อุปกรณ์ในการเขียนแบบ
ในงานเขียนแบบทั่วไป แบบงานจะสำเร็จสมบูรณ์ได้มาตรฐาน นอกจากจะต้องใช้ทักษะของผู้ปฏิบัติงานแล้ว เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนแบบ ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะ เครื่องมือมีส่วนที่จะช่วยให้งานเขียนแบบมีคุณภาพได้มาตรฐาน เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนแบบพื้นฐานประกอบด้วย
1. โต๊ะเขียนแบบและกระดานเขียนแบบ
การเขียนแบบทางอุตสาหกรรมขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่จะใช้โต๊ะเขียนแบบซึ่งมีโครงสร้างแตกต่างกันไป แล้วแต่บริษัทผู้ออกแบบ แต่โดยทั่วไปจะมีความสูงเป็นมาตรฐานเดียวกัน หรือบางชนิดอาจปรับความสูงให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ พื้นโต๊ะจะเรียบเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขอบด้านข้างตรงและได้ฉาก มีขนาดต่างกัน ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ 500 x 600 มม. ดังรูป
2. อุปกรณ์ที่ใช้ในการขีดเส้น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการขีดเส้น ได้แก่ ไม้ที บรรทัดสามเหลี่ยม และบรรทัดสเกล
2.1 ไม้ที เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเขียนแบบ ไม้ที มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ส่วนหัว และ ส่วนใบ ทำจากไม้เนื้อแข็ง หรือ พลาสติกใส ทั้ง 2ส่วน จะยึดตั้งฉากกัน ไม้ที ใช้สำหรับขีดเส้นในแนวนอน และใช้ประกอบกับฉากสามเหลี่ยม ขีดเส้นในแนวตั้งฉาก และขีดเส้นเอียงทำมุมต่างๆ ดังรูป
2. อุปกรณ์ที่ใช้ในการขีดเส้น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการขีดเส้น ได้แก่ ไม้ที บรรทัดสามเหลี่ยม และบรรทัดสเกล
2.1 ไม้ที เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเขียนแบบ ไม้ที มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ส่วนหัว และ ส่วนใบ ทำจากไม้เนื้อแข็ง หรือ พลาสติกใส ทั้ง 2ส่วน จะยึดตั้งฉากกัน ไม้ที ใช้สำหรับขีดเส้นในแนวนอน และใช้ประกอบกับฉากสามเหลี่ยม ขีดเส้นในแนวตั้งฉาก และขีดเส้นเอียงทำมุมต่างๆ ดังรูป
2.2 บรรทัดสามเหลี่ยม โดยทั่วไปทำจากพลาสติกใส เพื่อจะได้มองเห็นส่วนอื่นๆ ของแบบได้อย่างชัดเจน บรรทัดสามเหลี่ยมใช้สำหรับขีดเส้นดิ่งและเส้นเอนทำมุมต่างๆ ปกติจะใช้คู่กับ ไม้ที มี 2 แบบ คือ แบบตายตัว ซึ่งมีค่ามุม 45-90-45 องศา กับค่ามุม 30-90-60 องศา และแบบปรับมุมต่างๆ ได้ ดังรูป
2.3 บรรทัดมาตราส่วน ใช้วัดขนาด มีความยาวต่างกัน ตั้งแต่ 150, 300, 400, และ 600 มิลลิเมตร มีมาตราส่วนต่างๆ เพื่อใช้เขียนรูปได้หลายขนาด คือ
- มาตราส่วนขนาดเท่าของจริง 1 : 1
- มาตราส่วนย่อ 1 : 2, 1 : 5, 1 : 10, 1 : 100, 1 : 1000 เป็นต้น
- มาตราส่วนขยาย 2 : 1, 5 : 1, 10 : 1, 100 : 1, 1000 : 1 เป็นต้น
มาตราส่วนเท่าของจริง, มาตราส่วนย่อ, หรือมาตราส่านขยาย จะนำไปใช้งานในแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ดังรูป
- มาตราส่วนย่อ 1 : 2, 1 : 5, 1 : 10, 1 : 100, 1 : 1000 เป็นต้น
- มาตราส่วนขยาย 2 : 1, 5 : 1, 10 : 1, 100 : 1, 1000 : 1 เป็นต้น
มาตราส่วนเท่าของจริง, มาตราส่วนย่อ, หรือมาตราส่านขยาย จะนำไปใช้งานในแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ดังรูป
3. อุปกรณ์เขียนส่วนโค้ง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนส่วนโค้งมีหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะงานและการนำไปใช้ เช่น วงเวียน แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ วงเวียนที่ใช้เขียนส่วนโค้ง และวงเวียนที่ใช้ถ่ายขนาด เป็นต้น
3.1 วงเวียน เป็นอุปกรณ์สำหรับเขียนวงกลม หรือส่วนโค้ง วงเวียนมีหลายแบบ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน ดังรูป
อุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนส่วนโค้งมีหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะงานและการนำไปใช้ เช่น วงเวียน แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ วงเวียนที่ใช้เขียนส่วนโค้ง และวงเวียนที่ใช้ถ่ายขนาด เป็นต้น
3.1 วงเวียน เป็นอุปกรณ์สำหรับเขียนวงกลม หรือส่วนโค้ง วงเวียนมีหลายแบบ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน ดังรูป
3.2 วงเวียนถ่ายขนาด เป็นวงเวียนที่มีปลายแหลม 2 ข้าง วงเวียนชนิดนี้ใช้สำหรับถ่ายขนาด ที่วัดขนาดจากฟุตเหล็ก หรือฉากสามเหลี่ยม แล้วนำไปถ่ายลงบนแบบทำให้สามารถแบ่งเส้นตรง แบ่งวงกลม ให้มีขนาดเท่าๆ กันได้สะดวกและรวดเร็วง่ายต่อการเขียนแบบ ดังรูป
3.3 บรรทัดเขียนส่วนโค้ง (Curves) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการเขียนส่วนโค้งชนิดหนึ่ง การใช้บรรทัดส่วนโค้งจะต้องใช้ส่วนโค้งของบรรทัดสัมผัสจุด อย่างน้อย 3 จุด เพื่อให้ได้ส่วนโค้งที่ดี มีความต่อเนื่อง ซึ่งต่างกับการใช้วงเวียนที่มีระยะรัศมีเท่ากันทุกจุดของเส้นโค้งนั้นๆ แผ่นโค้งนี้ให้ความสะดวกในการทำงานสูง ซึ่งผู้ใช้เองก็ต้องระมัดระวังในการใช้งานให้ดี หมุนปรับให้ได้ตำแหน่ง ก่อนที่จะทำการลากเส้นโค้งนั้น แผ่นเขียนโค้งและการเขียนโค้งโดยใช้แผ่นเขียนโค้งในรูปแบบต่างๆ ดังรูป
กระดานเขียนแบบ ส่วนมากใช้สำหรับงานสนาม แต่ก็ใช้ในโรงเรียนบ้างเหมือนกัน ในกรณีที่ไม่มีโต๊ะเขียนแบบ ดังรูป
4. กระดาษเขียนแบบ
กระดาษเขียนแบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ ระบบนิ้ว และ ระบบมิลลิเมตร ต่อมาได้ปรับปรุงให้เป็นระบบสากล โดยใช้ระบบ ISO (International System Organization) ซึ่งยอมรับทั้งระบบอเมริกันและยุโรป นอกจากนั้น ประเทศไทยยังได้ผลิตมาตรฐานเป็น (มอก.) โดการเขียนแบบทั่วไปทางเครื่องกลซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับมาตรฐาน ISO ซึ่งมาตรฐานของกระดาษในระบบต่างๆ ได้แสดงไว้ใน (ตารางที่ 1)
กระดาษเขียนแบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ ระบบนิ้ว และ ระบบมิลลิเมตร ต่อมาได้ปรับปรุงให้เป็นระบบสากล โดยใช้ระบบ ISO (International System Organization) ซึ่งยอมรับทั้งระบบอเมริกันและยุโรป นอกจากนั้น ประเทศไทยยังได้ผลิตมาตรฐานเป็น (มอก.) โดการเขียนแบบทั่วไปทางเครื่องกลซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับมาตรฐาน ISO ซึ่งมาตรฐานของกระดาษในระบบต่างๆ ได้แสดงไว้ใน (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 ขนาดกระดาษเขียนแบบ |
เมตริก (มิลลิเมตร) | อังกฤษ (นิ้ว) | ||
ขนาด | กว้าง x ยาว | ขนาด | กว้าง x ยาว |
A0 | 814 x 1,189 | E | 34 x 34 |
A1 | 594 x 841 | D | 22 x 34 |
A2 | 420 x 594 | C | 17 x 22 |
A3 | 297 x 420 | B | 11 x 17 |
A4 | 210 x 297 | A | 8.50 x 11 |
A5 | 148 x 210 | - | 5.83 x 8.27 |
A6 | 105 x 148 | - | 4.13 x 5.83 |
กระดาษเขียนแบบขนาด A0 ขนาด 841 x 1189 ม.ม. สามารถแบ่งได้เป็นขนาด A1 จำนวน 2 แผ่น และถ้านำกระดาษ A1 มาแบ่งจะได้กระดาษ A2จำนวน 2 แผ่น ดังนั้น สามารถแบ่งกระดาษได้จนถึง A6 ดังรูป
6. ปากกาเขียนแบบ
ปากกาเขียนแบบในปัจจุบันนิยมใช้ปากกาเขียนแบบหมึกซึม ขนาดความโตของปากกาเขียนแบบจะมีขนาดเท่าขนาดของเส้นมาตรฐานสากลที่ใช้ในงานเขียนแบบ ดังรูป
ปากกาเขียนแบบในปัจจุบันนิยมใช้ปากกาเขียนแบบหมึกซึม ขนาดความโตของปากกาเขียนแบบจะมีขนาดเท่าขนาดของเส้นมาตรฐานสากลที่ใช้ในงานเขียนแบบ ดังรูป
7. อุปกรณ์ทำความสะอาด
แบบงานที่มีคุณภาพนั้น นอกจากเขียนได้ถูกต้อง สมบูรณ์ ได้มาตรฐานแล้วนั้น แบบงานจะต้องสะอาด ดังนั้นอุปกรณ์ทำความสะอาดจึงมีความจำเป็นมาก เช่น
7.1 แปรงปัด เป็นแปรงขนอ่อนใช้สำหรับปัดฝุ่นบนกระดาษเขียนแบบ และปัดเศษยางลบ ดังรูป
7.2 ยางลบ ใช้สำหรับลบงาน มีลักษณะเป็นยางอ่อนซึ่งจะไม่ทำให้กระดาษเป็นขุยหรือเป็นรอย ดังรูป
7.3 แผ่นกันลบ ทำจากโลหะบางเบา เจาะรูไว้หลายลักษณะ ใช้กันลบตรงบริเวณที่ขีดเส้นผิดพลาด ดังรูป
ประเภทการเขียนแบบ
งานเขียนแบบ แบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ
๑. การเขียนแบบทางวิศวกรรม ( Engineering Drawing ) นำเอาไปใช้ในงานเครื่องจักรกลมากกว่าอย่างอื่น การเขียนแบบชนิดนี้แยกออกได้ดังนี้
๑.๑ การเขียนแบบเครื่องกล
๑.๒ การเขียนแบบงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า
๑.๓ การเขียนแบบเครื่องยนต์
๑.๔ การเขียนแบบงานแผนที่และช่างสำรวจ
๑.๕ การเขียนแบบงานช่างกลและโลหะแผ่น
๑.๑ การเขียนแบบเครื่องกล
๑.๒ การเขียนแบบงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า
๑.๓ การเขียนแบบเครื่องยนต์
๑.๔ การเขียนแบบงานแผนที่และช่างสำรวจ
๑.๕ การเขียนแบบงานช่างกลและโลหะแผ่น
๒. การเขียนแบบทางสถาปัตยกรรม ( Architectural Drawing ) เป็นการเขียนแบบทางด้านก่อสร้าง แยกงานเขียนแบบชนิดนี้ออกได้ดังต่อไปนี้
๒.๑ การเขียนแบบโครงสร้าง
๒.๒ การเขียนแบบสัดส่วนของรูปต่างๆ
๒.๒ การเขียนแบบสัดส่วนของรูปต่างๆ
๒.๓ การเขียนแบบภาพหวัด
วิธีการเขียนภาพ 2 มิติ
ภาพ 2 มิติ มีความกว้างกับความยาวไม่มีความหนาเกิดจากเส้นรอบนอกที่แสดงพื้นที่ขอบเขตของรูปต่าง ๆ เช่น รูปวงกลม รูปสามเหลี่ยม หรือ รูปอิสระที่แสดงเนื้อที่ของผิวที่เป็นระนาบมากกว่าแสดงปริมาตรหรือมวล
วิธีการเขียนภาพ 3 มิติ
ภาพสามมิติหมายถึง การเขียนภาพโดยการนำพื้นผิวแต่ละด้านของชิ้นงานมาเขียนประกอบกันเป็นรูปเดียว ทำให้สามารถมองเห็นลักษณะรูปร่าง พื้นผิว ได้ทั้งความกว้าง ความยาว และความหนาของชิ้นงาน ทำให้ภาพสามมิติมีลักษณะคล้ายกับการมองชิ้นงานจริง ภาพสามมิติที่เขียนในงานเขียนแบบมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันในการวางมุมการเขียน และขนาดของชิ้นงานจริง กับขนาดชิ้นงานในการเขียนแบบซึ่งผู้เขียนแบบต้องศึกษาลักษณะของภาพสามมิติแต่ละประเภทต่างๆ ให้เข้าใจ เพื่อสามารถปฏิบัติการเขียนแบบได้อย่างถูกต้อง
ประเภทของภาพสามมิติ
2.2 ภาพสามมิติแบบ DIMETRIC เป็นภาพสามมิติที่มีลักษณะคล้ายกับภาพถ่ายและง่ายต่อการอ่านแบบ แต่ไม่ค่อยนิยมในการเขียนแบบเพราะเป็นภาพที่เขียนได้ยาก เนื่องจากมุมที่ใช้เขียน เอียง 7 องศา และ 42 องศา และขนาดความหนาของภาพที่เขียนจะลดขนาดลงครึ่งหนึ่งของความหนาจริง ดังรูป
2.3 ภาพสามมิติแบบ ISOMETRIC เป็นภาพสามมิติที่นิยมเขียนมาก เพราะภาพที่เขียนง่าย เนื่องจากภาพมีมุมเอียง 30 องศา ทั้งสองข้างเท่ากัน และขนาดความยาวของภาพทุกด้านจะมีขนาดเท่าขนาดงานจริง ภาพที่เขียนจะมีขนาดใหญ่มากทำให้เปลืองเนื้อที่กระดาษ ดังรูป
2.4 ภาพสามมิติแบบOBQIUE เป็นภาพสามมิติที่นิยมเขียนมาก สำหรับงานที่มีรูปร่างเป็นส่วนโค้ง หรือรูกลมเพราะสามารถเขียนได้ง่ายและรวดเร็วเนื่องจากภาพ OBQIUE จะวางภาพด้านหนึ่งอยู่ในแนวระดับ เอียงทำมุมเพียงด้านเดียว โดยเขียนเป็นมุม 45 องศา สามารถเขียนเอียงได้ทั้งด้านซ้ายและขวาความหนาของงานด้านเอียงขนาดลดลงครึ่งหนึ่ง ภาพ OBQIUE มี 2 แบบ คือแบบคาวาเลียร์ (CAVALIER) และแบบคาบิเนต (CABINET) ดังรูป
2.5 ภาพสามมิติแบบPERSPECTIVE หรือภาพทัศนียภาพ เป็นภาพสามมิติที่มีมุมในลักษณะการมองไกล โดยจะเขียนภาพเข้าสู่จุดรวมของสายตา การเขียนภาพสามมิติชนิดนี้มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ดังรูป
3. การเขียนภาพสามมิติ แกนไอโซเมตริก (ISOMETRIC AXIS) เส้น XO, YO, ZO ทำมุมระหว่างกัน 120 องศา เท่ากันทั้งสามมุม เส้นทั้งสามนี้เรียกว่า แกนไอโซเมตริก ซึ่งแกนไอโซเมตริกนี้สามารถวางได้หลายทิศทาง ขึ้นอยู่กับรูปร่างของชิ้นงานที่ต้องการแสดงรายละเอียด ดังรูป
3.1 การเขียนภาพ ISOMETRIC ทุกภาพจะเริ่มจากการเขียนเส้นร่างจากกล่องสี่เหลี่ยม โดยมีขนาดความกว้าง ความยาว และความสูง ซึ่งจะได้จากการกำหนดขนาดจากภาพฉาย จากนั้น เขียนรายละเอียดส่วนต่างๆ ของชิ้นงาน ดังรูป
ลำดับขั้นตอนการเขียนภาพ ISOMETRIC | ||
| ||
| ||
| ||
|
3.2 การเขียนภาพ OBLIQUE ทุกภาพจะเริ่มจากการเขียนเส้นร่างจากกล่องสี่เหลี่ยม โดยมีขนาดความยาว ความยาว และความสูง
เท่ากับขนาดของชิ้นงานจริง ซึ่งจะได้จากการบอกขนาดในภาพฉาย ลากเส้นเอียง 45 องศา จากขอบงานด้านหน้าไปยังด้านหลัง
โดยให้มีความยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งกับความกว้างที่กำหนดให้จากภาพฉายด้านข้าง ลากเส้นร่างเป็นรูปกล่องสี่เหลียม จากนั้น เริ่มเขียนส่วนต่างๆ
ของชิ้นงาน ลบเส้นที่ไม่ใช้ออก และลงเส้นหนักที่รูปงาน ดังรูป
เท่ากับขนาดของชิ้นงานจริง ซึ่งจะได้จากการบอกขนาดในภาพฉาย ลากเส้นเอียง 45 องศา จากขอบงานด้านหน้าไปยังด้านหลัง
โดยให้มีความยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งกับความกว้างที่กำหนดให้จากภาพฉายด้านข้าง ลากเส้นร่างเป็นรูปกล่องสี่เหลียม จากนั้น เริ่มเขียนส่วนต่างๆ
ของชิ้นงาน ลบเส้นที่ไม่ใช้ออก และลงเส้นหนักที่รูปงาน ดังรูป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น